“โฆษกและรองโฆษก สตม. ชี้แจงเพิ่มไม่มีเจ้าหน้า ตม.ที่ห้องกักติดโควิท 19 แต่อย่างใด ตรวจสอบพบเป็นผู้ต้องกักต่างด้าวแรกรับบางเขน ติดโควิด-19 สั่งควบคุมทันที! เตรียมพร้อมตั้ง รพ.สนามชั่วคราวของ สตม. รองรับ จากมีความจำเป็น ยืนยันว่าขณะนี้ สตม.ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้”

 

วันนี้ 17 มี.ค.64 เวลา 17.00 น.  พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ในฐานะโฆษก สตม. และพ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ในฐานะรองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยข่าวว่า ตามที่มีข่าวที่คาดเคลื่อนเกี่ยวกับโรคไวรัสโควิด-19 ว่าทางเจ้าหน้าที่ ตม. ห้องกักบางเขน ติดเชื้อโควิด และมีบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในห้องกักติดเชื้อ แท้จริงนั้นเป็นส่วนผู้ต้องกักที่อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ หลังจากที่ได้รับตัวเข้ามาแล้ว เจ้าหน้าที่ ตม. ได้ดำเนินการตามระเบียบการควบคุมโรคทางสาธารณสุข โดยมีการคัดกรองอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ ตม. และหากพบเชื้อหรือไม่พบเชื้อ ก็จะจัดแยกเป็นสัดเป็นส่วน กักตัวบุคคลต่างด้าว อีก 14 วัน เพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำอีกและเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และในส่วนของ เจ้าหน้าที่ ตม. ทุกนาย ได้รับสั่งการและเน้นย้ำ จาก พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ให้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ในขณะปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งให้สวมหน้ากากอนามัย  ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ใส่ถุงมือทุกครั้งเมื่อที่มีการสัมผัสกับบุคคลต่างด้าว และให้สวมชุดป้องกันแบบเต็มตัว เมื่อต้องมีการสัมผัสแบบใกล้ชิดกับบุคคลต่างด้าว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสัมผัสและลดความเสี่ยงกับเชื้อไวรัสไวรัสโควิด-19 

 

โดยขณะนี้มีผู้ต้องกัก ที่อยู่ในความควบคุมของ บก.สส.สตม. จำนวน 1,615 ราย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ห้องกักบางเขนเป็นส่วนแรกรับสำหรับตรวจคัดกรองโรค  ซึ่งเป็นผู้ต้องกัก ที่ กก.3 บก.สส.สตม. ได้รับตัวมาจากสถานีตำรวจ,  ด่าน ตม.  หรือส่วนราชการอื่น เช่นราชทัณฑ์  DSI หรือ ศาล ซึ่งจะต้องนำมากักตัว และมีการตรวจโรคก่อนทุกครั้งที่ห้องกักบางเขน โดยได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด  เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้วจึงจะมีการย้ายผู้ต้องกักมากักตัวเพื่อรอส่งกลับไว้ที่ห้องกักสวนพลู  ซึ่งในส่วนที่ตรวจสอบพบว่ามีผู้ต้องกักที่มีผลการตรวจโควิด-19 เป็นบวก จำนวน 77 รายนั้น เป็นการตรวจพบผู้ต้องกักในส่วนของห้องกักบางเขนเท่านั้น    ซึ่งเป็นผลตรวจที่ได้มาจากมาตรการในการคัดกรองโรค เชิงรุก โดยหลังจากตรวจสอบพบว่ามีผู้ต้องกักมีผลตรวจโควิด-19 เป็นผลบวก ได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และแจ้งกรมควบคุมโรคทราบเพื่อมาดำเนินการสอบสวนโรคทันที ซึ่งเป็นขั้นตอนในการดำเนินการในป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที

 

ทางด้าน พล.ต.ต.อาชยน กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนของ สตม. ได้ประชุมหารือร่วมกับ กรมควบคุมโรค  กรมการแพทย์  สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กระทรวงสาธารณสุข ทันทีที่ตรวจพบ เพื่อร่วมกันกำหมดมาตรการในการยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน และเตรียมพร้อมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชั่วคราว ของ สตม.เพื่อรองรองรับผู้ที่ตรวจพบเชื้อ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังสามารถควบคุมได้อย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนและสังคมมั่นใจ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อความปลอดภัยของประชาชน สังคม และบุคลากรทุกๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง