ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มภูซาง รับจ้างขนเงินสดที่กดได้จากแก๊ง Call Center
ครั้งละ 1-2 ล้านบาท ซุกรถบรรทุก ข้ามพรมแดน ส่งฝั่งลาว
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย
รอง ผบก.ป.ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ, พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก สว.กก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.ปกฉัตร สงวนแวว, ร.ต.อ.ประมุข ภิรมย์เจียว, ร.ต.ท.สุคนธ์ กองทอง,
ร.ต.ต.หญิงณภัทร ช่วยยา รอง สว.กก.3 บก.ปอท., ด.ต.วชิระ มูสิกะ, ด.ต.ธีรศักดิ์ พรภักดี, ส.ต.ท.ยศพล เคียงสูงเนิน ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม นายอำพลฯ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2992/2568 ลงวันที่
23 พ.ค.2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่”
สถานที่จับกุม อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แขวงจอมพล เขตจตุจักร จังหวัดกรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนกรณีผู้เสียหายถูกคนร้ายซึ่งรู้จักผ่าน Tiktok ได้หลอกให้ลงทุนเทรดคริปโตฯ ผ่านแพลตฟอร์มปลอม มูลความเสียหายรวม 1.8 ล้านบาท โดยการสืบสวนพบว่า มีการโอนเงินไปยังบัญชีม้าจำนวนหลายบัญชี และมีการฟอกเงินต่อหลายรูปแบบ
ทั้งกดเงินสดจากบัญชีม้าทันที ในพื้นที่จังหวัดพะเยา, มีการฟอกเงินผ่าน True Money Wallet และคริปโตฯ รวมทั้งมีการนำเงินที่ได้ไปซื้อรถหรู จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาล และเปิดปฏิบัติการ “FOX Hunt” ล่าจิ้งจอก ทลายแก๊งหลอกลงทุน FOX Wallet ปลอม รวบยกแก๊ง 8 ราย ทั้งจีนดำ ไทยดำ ยึดทรัพย์กว่า 3 ล้านบาท” ไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น
จากนั้นจึงได้ขยายผลพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับได้จำนวน 2 ราย ทำหน้าที่ในการถอนเงินสดจากบัญชีม้าที่จังหวัดพะเยา มีการนำเงินสดไปส่งต่อให้กับชาวลาว ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา จากนั้นจะมีนายอำพลฯ ทำหน้าที่ในการขนเงินสดที่กดได้แต่ละวัน ประมาณวันละ 1-2 ล้านบาท ข้ามไปส่งให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ฝั่งประเทศลาว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาที่ 2992/2568
ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ก่อนจะสามารถจับกุมตัวนายอำพลฯ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยนายอำพลฯ อ้างว่าทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกข้ามแดนเพื่อไปรับหินจากฝั่งลาวกลับมาประเทศไทย ได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท จากนั้นได้มี ชาวลาว มาติดต่อว่าจ้างให้นำเงินสด ข้ามไปส่งที่ฝั่งลาว ให้กับร้านแลกเงิน ได้รับค่าจ้างครั้งละ 1,000-2,000 บาท
ทำมาแล้วกว่า 10 ครั้ง โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย
1.ไม่ควรรับจ้างถอนเงิน หรือ ขนเงินสด ที่ไม่รู้ที่มา อาจตกเป็นผู้ต้องหาในขบวนการฟอกเงินของ
แก๊ง Call Center ได้
2.ให้ระมัดระวัง บุคคลที่รู้จักผ่าน Social Media ทุกแพลตฟอร์ม เพราะอาจเป็นตัวตนปลอม ที่ทักมาเพื่อชวนคุยให้ตายใจและหลอกลวงให้ลงทุน โดยมักจะให้เข้ากลุ่มไลน์ ที่มีหน้าม้าจำนวนมาก และหน้าม้า
จะส่งสลิปปลอมเข้ามาในกลุ่ม อ้างว่าได้กำไรดี ได้เงินจริง จากนั้นจะดึงเข้ากลุ่ม VIP เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุน โดยจะหลอกให้ได้เงินในช่วงแรกๆ หลักพัน, หลักหมื่น หรือบางครั้ง อาจถึงหลักแสน จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ และลงทุนจำนวนมาก โดยหลังจากนั้นจะมีเริ่มข้ออ้างๆ ที่ไม่สามารถถอนเงินได้ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มขึ้น เช่น ต้องโอนเงินเพื่อจะให้ถอนเงินที่โชว์ในแอปปลอมได้ ,ต้องโอนเงินเพื่อปลดล็อกยอดเงินในแอปปลอม ฯลฯ
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง สว.กก.3 บก.ปอท. โทร.090-9855532
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
|