ข่าว ภูมิภาค
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบขบวนการเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อหรู “Vintage Watch”
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบขบวนการเพจหลอกประมูลนาฬิกายี่ห้อหรู
“Vintage Watch”
 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท.
 
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ท.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, พ.ต.ท.จักรพงษ์ รุ่งกำจัด, พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ, พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, ว่าที่ พ.ต.ต.ลัทธพล อัครปัญญา สว.กก.2 บก.ปอท., ร.ต.อ.ปราโมทย์ รอยคราม, ร.ต.อ.จิรายุ วงศ์วิวัฒน์, ร.ต.อ,บุญชัย ถิรภัทรไพบูลย์, ว่าที่ ร.ต.อ.สหรัฐ พันธุ์เพชรนิล รอง สว.กก.2 บก.ปอท., พร้อมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สสน.บก.ป., สภ.แม่สาย, ตม.จว.เชียงราย
 
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 ราย (คนไทย 4 ราย, เมียนมา 1 ราย, บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน 2 ราย) ดังนี้
 
1. นายนิธิภัทร์ฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3295/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568
2. น.ส.แอนฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3296/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
3. นายภานุมาสฯ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3297/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
4. MR. WIN อายุ 34 ปี (สัญชาติเมียนมา) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3298/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
5. นายคำแก้วฯ อายุ 47 ปี (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3299/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
6. น.ส.ธัญชนกฯ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3300/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
7. น.ส.ฝ้ายคำฯ อายุ 37 ปี (บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3301/2568 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2568 
 
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”
สถานที่จับกุม
1. ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-2 จับกุมในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง
2. ผู้ต้องหาลำดับที่ 3-4 จับกุมในพื้นที่ ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี
3. ผู้ต้องหาลำดับที่ 5-7 จับกุมในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
 
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ผู้เสียหายพบโพสต์โฆษณาบนเฟซบุ๊ก ชื่อเพจ “Vintage watch” โฆษณาประชาสัมพันธ์เปิดประมูลนาฬิกาข้อมือวินเทจ โดยเพจดังกล่าวมีจำนวนไลค์มากกว่า 2 พันไลค์ อีกทั้งยังมีบุคคลอื่นเข้าร่วมประมูลอีกเป็นจำนวนมาก (น่าเชื่อว่าเป็นกลุ่มหน้าม้าของกลุ่มคนร้าย) ซึ่งเมื่อผู้เสียหายพบเห็นโพสต์ดังกล่าวจึงเกิดความสนใจ จากนั้นจึงตัดสินใจเข้าร่วมประมูลโดยใส่ราคาไว้ใต้คอมเมนต์ของโพสต์ ต่อมาจึงได้มีแอดมินของเพจทักเข้ามาในข้อความแมสเซนเจอร์ของเฟซบุ๊ก แจ้งว่าผู้เสียหายชนะการประมูลนาฬิกาในราคา 5,500 บาท โดยมีค่าจัดส่ง 100 บาท รวมเป็นเงิน 5,600 บาท ต่อมาคนร้ายจึงได้ให้ผู้เสียหายชำระเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เป็นจำนวนเงิน 5,600 บาท และคนร้ายได้แจ้งว่า ผู้เสียหายจะต้องโอนเงินค่าทำประกันสินค้าอีกจำนวน 2,000 บาท โดยจะได้รับเงินคืนหลังจากทำประกันเสร็จแล้ว ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคนร้าย เพิ่มอีกจำนวน 2,000 บาท รวมผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 7,600 บาท ต่อมาคนร้ายยังได้แจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก จำนวน 1,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมการโอนเงินประกันคืน แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อ และเชื่อว่าเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้หลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งภายหลังเมื่อผู้เสียหายไม่ได้รับสินค้าและไม่ได้รับเงินคืน จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ในลักษณะขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า จำนวน 2 ราย, กลุ่มจัดหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย, กลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์และฟอกเงิน จำนวน 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”
ต่อมา เมื่อวันที่ 15-18 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สสน.บก.ป., สภ.แม่สาย, ตม.จว.เชียงราย จึงได้ลงพื้นที่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ ได้ทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 7 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร/บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 13 รายการ, โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง, ซิมการ์ด 18 อัน, พระเครื่อง 6 องค์, เงินสดจำนวน 600,000 บาท, เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง, โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท
 
 
จากการสืบสวนขยายผลจากผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการกระทำที่เป็นขบวนการ โดยผู้ต้องหาบางรายมีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า โดยมีการว่าจ้างบุคคลทั่วไปให้เปิดบัญชีธนาคาร พร้อมลงแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ แล้วส่งต่อไปยังบ้านเช่าในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นโทรศัพท์เหล่านี้จะถูกส่งข้ามแดนไปยังออฟฟิศของแก๊งในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นพนักงานของแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ใช้ในรับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวง และใช้ในการฟอกเงิน ตามคำสั่งของนายทุนชาวจีนซึ่งเป็นเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากระบบแจ้งความออนไลน์พบว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 16 คดี โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงขายสินค้าหลายประเภทผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เพจขายทุเรียน, ยางรถยนต์, โทรศัพท์, เครื่องตัดหญ้า และปลาอินทรีย์ อีกทั้งตรวจพบยอดเงินหมุนเวียนในคดีนี้มากกว่า 2 ล้านบาท ในระยะเวลา 1 เดือน
 
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น
1. น.ส.แอนฯ ให้การว่า เมื่อช่วงเดือน เม.ย.68 น.ส.แอนฯ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง ได้รู้จักกับ นายภานุมาส และ MR. WIN ซึ่งเข้ามาพักที่รีสอร์ทอยู่เป็นประจำ ซึ่ง MR. WIN และ นายภานุมาสฯ ได้เสนอให้ น.ส.แอนฯ เปิดบัญชีม้า อีกทั้งยังให้ น.ส.แอนฯ หาคนมาเปิดบัญชีม้า และส่งไปบัญชีม้าไปยังบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดย น.ส.แอน จะได้ค่าตอบแทนบัญชีธนาคารละ 2,500 บาท
3. MR. WIN และนายภานุมาสฯ ให้การว่า ทำหน้าที่จัดหาบัญชีม้า โดยจะตระเวนไปตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ เช่น ระยอง จันทบุรี ชลบุรี สระแก้ว เพื่อหาบุคคลมาเปิดบัญชีม้า โดยจะติดตั้งแอปพลิเคชันธนาคารลงในโทรศัพท์ในลักษณะพร้อมใช้งาน จากนั้นจะส่งโทรศัพท์ดังกล่าว (บัญชีม้า) ไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำส่งต่อไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยได้ค่าตอบแทน 10,000-15,000 บาท / บัญชี
4. นายคำแก้วฯ และน.ส.ธัญชนกฯ ให้การว่า ตนมีหน้าที่ตระเวนถอนเงินสดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนำส่งให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
5. น.ส.ฝ้ายคำฯ ให้การว่า ตั้งแต่ ช่วงปี 2564 ตนเปิดร้านอาหารอยู่ที่พื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และรับส่งพัสดุจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย มายังประเทศเมียนมา ต่อมาช่วงปี 2567 ได้มีรู้จักกับนายทุนชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยนายทุนชาวจีนคนดังกล่าวได้ให้ น.ส.ฝ้ายคำฯ หาซื้อบัญชีม้าให้ น.ส.ฝ้ายคำฯ จึงได้ติดต่อซื้อบัญชีม้าจาก MR. WIN เพื่อนำไปให้กับนายทุนชาวจีน อีกทั้งนายทุนชาวจีนคนดังกล่าวยังให้ลูกน้องนำเงินสดที่ได้จากการทำคอลเซ็นเตอร์มาฝากไว้ที่ น.ส.ฝ้ายคำฯ ในกรณีที่นายทุนชาวจีนเดินทางไปยังต่างประเทศ รอบละประมาณ 400,000-500,000 บาท โดยให้ค่าตอบแทนครั้งละ 10,000-20,000 บาท ต่อมาช่วงเดือนเมษายน 2568 นายทุนชาวจีนได้ชักชวนให้ น.ส.ฝ้ายคำฯ ไปทำงานที่ออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชี ได้รับเงินเดือน 40,000 บาท มีหน้าที่จัดหาบัญชีม้า และบริหารจัดการยอดเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายมา โดยจะโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ หลายๆ ทอด ตามที่นายทุนชาวจีนสั่งการ หลังจากนั้นก็จะให้ นายคำแก้วฯ และ น.ส.ธัญชนกฯ คอยตระเวนถอนเงินสดในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อนำส่งให้แก่นายทุนชาวจีน อีกทั้งยังรับว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตนทำงานมีรายได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายประมาณ 200,000-300,000 บาทต่อวัน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน ขอให้ท่านใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ และก่อนทำธุรกรรมทางการเงินทุกครั้ง ขอให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มนั้นๆ ก่อน โดยให้นำชื่อเว็บไซต์, ชื่อเพจ, ชื่อบัญชีรับโอน หรือ หมายเลขบัญชีรับโอน ไปตรวจสอบบนเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google ในส่วนของวิธีการสังเกตบัญชีร้านค้าบนเฟซบุ๊กว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้ท่านเข้าไปที่ เกี่ยวกับ หรือ about โดยเพจเฟซบุ๊กมิจฉาชีพส่วนใหญ่ จะมีการเปลี่ยนชื่อเพจหลายครั้ง หรือจะเพิ่งสร้างเพจขึ้นมาได้ไม่นาน นอกจากนี้หากจำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ ขอเน้นย้ำให้ท่านพิจารณาให้ดีอย่างถี่ถ้วน และหากพบว่าร้านค้าใดที่มีการตั้งราคาสินค้าที่ถูกกว่าราคาท้องตลาดอย่างผิดปกติ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่านั่นอาจเป็นมิจฉาชีพ
ทั้งนี้หากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางออนไลน์สามารถติดต่อ สายด่วนศูนย์ AOC โทร. 1441 หรือ www.thaipoliceonline.com
 
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ร.ต.อ.จิรายุ วงศ์วิวัฒน์ รอง สว.กก.2 บก.ปอท. โทรศัพท์ 084-5949514 
โพสเมื่อ : 20 มิ.ย. 2568,16:49   อ่าน 13 ครั้ง