ข่าว ภูมิภาค
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกขายปุ๋ยยี่ห้อดัง เพียงเดือนเดียว พบเงินหมุนเวียนมากกว่า 5 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกขายปุ๋ยยี่ห้อดัง
เพียงเดือนเดียว พบเงินหมุนเวียนมากกว่า 5 ล้านบาท
 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท.
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง สว.กก.2 บก.ปอท., พ.ต.ต.ลัทธพล อัครปัญญา สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท., ร.ต.อ.ศักดิ์ดา เสาหงส์ รอง สว.(ป.) กก.2 บก.ปอท., ร.ต.อ.สหรัฐ พันธุ์เพชรนิล รอง สว.กก.2 บก.ปอท., ร.ต.ท.วิรัช ช่วงแพร พร้อมด้วยกำลัง เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปอท. และ กก.ตม.จ.เชียงราย
 
ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ดังนี้  
1. นายแทนฯ อายุ 50 ปี บุคคลไม่มีสัญชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3293/2568 ลง 9 มิ.ย. 68
2. น.ส.หญิงแสงอรุณฯ อายุ 42 ปี บุคคลไม่มีสัญชาติ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3294/2568 ลง 9 มิ.ย. 68
 
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงน้ำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากรวมตัวกันเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกให้ซื้อปุ๋ยยี่ห้อดัง ผ่านบัญชี Facebook ชื่อ “ปุ๋ยตรามงกุฎ ราคาโรงงาน” แต่หลังจากโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้าตามคำสั่งซื้อแต่อย่างใด พอทวงถามก็จะถูกแอดมินเพจดังกล่าวบล็อคแชตทันที
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.2 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนจนพบว่า
กลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันใช้เพจ Facebook ชื่อ “ปุ๋ยตรามงกุฎ ราคาโรงงาน” มาหลอกขายปุ๋ย โดยจะนำรูปภาพสินค้าปุ๋ย มาโพสต์ขายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด และในบางครั้งก็มีการสร้างแรงจูงใจด้วยการจัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม จากการสืบสวนพบว่าคนร้าย มีการใช้บริการประกาศโฆษณา (Meta ads) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปพบเห็นได้ง่าย และหลงเชื่อ ติดต่อซื้อปุ๋ย พร้อมทั้งโอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ซึ่งสุดท้ายไม่มีการจัดส่งสินค้าจริง เบื้องต้นภายใน 1 เดือน พบยอดเงินหมุนเวียนรวมกันมากกว่า 5 ล้านบาท และจากการตรวจสอบ ยังพบอีกว่ามีการแจ้งความในระบบแจ้งความออนไลน์ 17 คดี ที่มีพฤติการณ์สร้างเพจปลอมหลอกลวงขายสินค้าและบริการอื่นๆ เช่น ขายรองเท้า, ที่พักรีสอร์ท, ซิมโทรศัพท์, โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่า กลุ่มคนร้าย มีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้ต้องหา 2 รายนี้ ทำหน้าที่ตระเวนถอนเงินสดจากตู้ฝาก-ถอนเงิน อัตโนมัติ ภายในพื้นที่ จ.เชียงราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. จึงขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลที่ทำหน้าที่ถอนเงินสดทั้ง 2 คนนี้ไว้
ต่อมา เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้บูรณาการกำลังร่วมกัน โดยมี กก.2 บก.ปอท. และ กก.ตม.จว.เชียงราย ร่วมกันตรวจค้น 1 จุด ในพื้นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายข้างต้น พร้อมตรวจยึดของกลาง ดังนี้ โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จำนวน 18 รายการ, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 8 เล่ม, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ธนาคารต่างๆ จำนวน 12 ใบ, เครื่องแต่งกายที่ใช้ในการถอนเงินสด, สลิปการถอนเงินสด และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ เช่น เงินสด, ทองคำรูปพรรณ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
 
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับว่า เมื่อประมาณ ต้นปี 2568 ได้รู้จักกับ หญิงชาวเมียนมา ซึ่งทำงานให้กับนายทุนชาวจีนที่ควบคุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าจ้างให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถอนเงินสดจากบัญชีธนาคาร โดย ให้ค่าตอบแทน 1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่ถอนได้ โดยหญิงชาวเมียนมา จะส่งบัตรเอทีเอ็มที่ใช้ในการถอนเงินสด มาให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และทุกครั้งที่มีเงินเข้าบัญชีธนาคาร หญิงชาวเมียนมาจะแจ้งให้ผู้ต้องหา ดำเนินการถอนเงิน ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ตระเวนถอนเงินจากตู้ATM หลายแห่งในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อให้ยากต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเมื่อกดเงินเสร็จจะนำเงินสดไปให้ หญิงชาวเมียนมา ที่บริเวณชายแดนด่านแม่สาย โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย รับว่าในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ได้ตระเวนถอนเงินสดไปแล้ว ประมาณ 1 ล้านบาท
 
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อของออนไลน์ หรือก่อนทำธุรกรรมใดๆ โดยสามารถสังเกตจากการตั้งราคาสินค้า หากพบว่ามีการตั้งราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด มากเกินไป หรือมีโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เกินกว่าความเป็นจริง พฤติกรรมในลักษณะแบบนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ ขณะเดียวกันสามารถตรวจสอบเบื้องต้นว่า บัญชีโซเชียลมีเดีย หรือ เพจเฟซบุ๊ก ดังดังกล่าว น่าเชื่อถือหรือไม่ ด้วยการนำชื่อ บัญชีโซเชียลมีเดีย, เว็บไซต์, เพจ รวมถึงหมายเลขบัญชี และชื่อบัญชีผู้รับโอนเงิน ไปตรวจสอบ ทางเว็บไซต์ที่ช่วยตรวจสอบหรือเช็กคนโกง เช่น Blacklistseller , ฉลาดโอน.com เป็นต้น ก่อนที่จะทำธุรกรรมทางการเงินทุกชนิด เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงดังกล่าว   
ทั้งนี้หากผู้เสียหายท่านใด ที่ได้รับความเสียหายจากการ ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ทุกรูปแบบแล้ว สามารถโทรไปได้ที่สายด่วน ศูนย์ AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.ลัทธพล อัครปัญญา สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. โทรศัพท์ 092- 4060770
โพสเมื่อ : 20 มิ.ย. 2568,16:51   อ่าน 12 ครั้ง