ข่าว ภูมิภาค
พ.ต.อ.ทวีฯ ชี้ การส่งต่อสังคมที่ดี จากรุ่นสู่รุ่น คือ รากฐาน สำคัญของ“การศึกษา”
อับดุลหาดี/ยะลา/20 ก.ค.68
พ.ต.อ.ทวีฯ ชี้ การส่งต่อสังคมที่ดี 
จากรุ่นสู่รุ่น คือ รากฐาน สำคัญของ“การศึกษา”
 
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรรม เป็นประธานการอบรม โครงการส่งเสริมทักษะด้านภาษาเพื่อการสื่อสารและจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชนในจังหวัดภูเก็ต ที่ โรงแรมศุภาลัยชีนิคเบย์ รีสอร์ท แอนต์ สปา บ้านอ่าวปอ ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยมี นายกสมาคมฟัรดูอัยน์คุรุสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ข้าราชการ บุคลากรทางการศึกษาให้การต้อนรับและร่วมเข้าอบรม ส่งเสริมทักษะด้านภาษาการสื่อสารและจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชนในจังหวัดภูเก็ตเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ ภาษามาลายู และส่งเสริมการเรียนรู้หลักจริยธรรมอิสลาม เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิต 
 
ในโอกาสนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรรม ได้กล่าวระหว่างพบปะอย่างน่าสนใจด้วยว่า ในนามรัฐบาล มีความซาบซึ้งใจที่ทุกท่านได้ร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมดีๆเช่นนี้ให้แก่เด็กและเยาวชนของเรา ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพี่น้องมุสลิมถือเป็นส่วนสำคัญหนึ่งของสังคมไทยและมีบทบาทสำคัญในการสร้างชาติในหลายๆด้าน ทั้งด้านการเมือง การปกครอง การค้า และสังคม โดยมีส่วนร่วมในการก่อตั้งและพัฒนาประเทศมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ผมได้รับโอกาสใช้ชีวิตในห้วงที่รับราชการและการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทำงานใกล้ชิดกับชุมชนและสังคมมุสลิมจึงทราบดีถึงความตั้งใจดีและปรารถนาดีของทุกท่านที่มีต่อสังคมมุสลิมและสังคมไทยในภาพรวม  
 
พ.ต.อ.ทวีฯ ยังได้กล่าวเน้นย้ำด้วยว่า “ การพัฒนาสังคมและส่งต่อสังคมที่ดีจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งนั้นปัจจัยสำคัญก็คือ “การศึกษา” การที่สมาคมฟัรดูอัยน์คุรุสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตได้จัดกิจกรรมโครงการในลักษณะนี้จึงถือเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนและขยายผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างให้เยาวชนมีความถนัดด้านภาษา ซึ่งทั้งสามภาษาล้วนมีบทบาทสำคัญในบริบทสังคมโลกปัจจุบัน ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษาทางการที่ใช้สื่อสารทั่วโลกและเพิ่มโอกาสในการทำงานในอนาคต ภาษาอาหรับเป็นภาษาที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า ๒๒ประเทศทั่วโลก และภาษามาลายู ก็มีการใช้กันในหมู่ประชากรโลกมากกว่า ๓๕๐ ล้านคน การที่เด็กๆและเยาวชนของเรามีความถนัดในภาษาเหล่านี้ก็จะส่งผลดีกับตนเองและส่งผลถึงศักยภาพของประเทศในระยะยาว” 
 
นอกจากนี้พันตำรวจเอก ทวีฯ ยังได้กล่าวถึง จังหวัดภูเก็ตด้วยว่า เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สะท้อนความเป็นพหุสังคมระดับโลก เรามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ตในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 กว่า 9.1 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 50,000 คน เฉลี่ยวันละมากกว่า 300 เที่ยวบิน สำหรับเดือนมกราคม ถึง เดือนมิถุนายน 6 เดือนล่าสุด มีเที่ยวบินมากถึง 55,108 เที่ยวบิน เกินกว่า 50% เป็นสายการบินระหว่างประเทศ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของจังหวัดภูเก็ตในฐานะเมืองแห่งการท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงกับโลกในทุกมิติ ชุมชนมุสลิมในภูเก็ตจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะแสดงบทบาทในฐานะเจ้าของบ้านที่ดีควบคู่ไปกับการรักษาอัตลักษณ์และการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม เมื่อพูดถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจ ผมขอเรียนทุกท่านว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมารัฐบาลได้สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปจนถึงปี 2570 แม้เงินทุนก้อนนี้จะไม่ได้ส่งมาที่จังหวัดภูเก็ตโดยตรงแต่โดยหลักแล้วโครงสร้างการประกอบการ แรงงาน และการใช้จ่ายเงินจะเวียนเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตอย่างแน่นอน และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของมุสลิมภูเก็ตและมุสลิมไทยในภาพรวม เรื่องข้อเสนอทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับระบบการเงินปลอดดอกเบี้ยนั้น ในภาพรวมสังคมไทยเรามีพัฒนาการด้านการเงินอิสลามมากว่า 30 ปี ตั้งแต่การก่อตั้งสหกรณ์อิสลามแห่งแรกในปี 2527 การเปิดอิสลามิก วินโด (Islamic Window) ในธนาคารพาณิชย์ในปี 2541 และการก่อตั้งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยในปี 2546 และข้อมูลปี 2567 ชี้ว่า มูลค่าสินทรัพย์รวมของอุตสาหกรรมการเงินอิสลามในไทยมีมากกว่า 4,358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 14,000 ล้านบาท) และเติบโตเฉลี่ย 5.56 % ต่อปี โดยมีธนาคารอิสลามและสหกรณ์อิสลามเป็นกลไกหลัก และยังขยายไปกว่า 54 แห่งทั่วประเทศ ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและโอกาสในการเติบโตอย่างมั่นคงของการเงินอิสลามในประเทศไทย ผมยืนยันว่าโอกาสทางเศรษฐกิจของชุมชนมุสลิมภูเก็ตและมุสลิมไทยในภาพรวมจะได้รับการสนับสนุนอย่างดีภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาลโดยจะคำนึงถึง สามเสาหลัก ได้แก่ 1.ปลอดดอกเบี้ย (Riba-Free) เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงทุนอย่างเท่าเทียม 2.เศรษฐกิจฮาลาล (Halal-Based Economy) ครอบคลุมกระบวนการผลิตและบริการที่สอดคล้องกับหลักศาสนา และ 3.ระบบซะกาต (Zakat-Based Redistribution) เพื่อกระจายความมั่งคั่ง ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนในชุมชน
 
ข้อมูลปี 2024 ของระบบการเงินโลก (Global Finance) ระบุว่า อุตสาหกรรมการเงินอิสลาม (Islamic Financial Services Industry – IFSI) มีอัตราการเติบโตสูงถึง 14.9 % ต่อปี และมีสินทรัพย์รวมกว่า 3.88 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาค ศุกูก (ตราสารทุนตามหลักชะรีอะฮ์) ขยายตัวถึง 25.6 % และภาค ตะกาฟุล (การประกันภัยอิสลาม) เติบโต 16.9 % ซึ่งสะท้อนพลังของภาคส่วนที่มิใช่ธนาคาร (non-bank segments) ที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
พ.ต.อ.ทวีฯยังได้กล่าวช่วงท้ายด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมิใช่เพียงโครงสร้างทางการเงิน แต่คือ ทรัพยากรมนุษย์ องค์ความรู้ และธรรมาภิบาล ที่ยึดมั่นในหลักศรัทธาอย่างเข้มแข็ง รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม จะมุ่งสนับสนุน เศรษฐกิจคุณธรรม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิม สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับหลักชะรีอะฮ์ (ปลอดดอกเบี้ย) พร้อมทั้งสนับสนุนสหกรณ์อิสลาม กองทุนผู้ประกอบการฮาลาล และการพัฒนากลไกอนุญาโตตุลาการอิสลาม เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน ท้ายที่สุด กระผมหวังว่าการอบรมของสมาคมฟัรดูอัยน์คุรุสัมพันธ์ภูเก็ตในวันนี้ จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยบ่มเพาะความรู้ ความศรัทธา และความเข้มแข็งให้กับชุมชนมุสลิมในภูเก็ต พร้อมเชื่อมโยงไปสู่โอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งในประเทศไทย โลกมุสลิม และสังคมระหว่างประเทศต่อไป
โพสเมื่อ : 20 ก.ค. 2568,16:26   อ่าน 50 ครั้ง