ข่าว ภูมิภาค
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวสองตั้งบริษัทจัดหางาน ลวงแรงงานไปแคนาดา ก่อนเชิดเงินหนี ยังไม่หนำใจ ขู่เรียกเงินแลกคืนพาสปอร์ต
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสาวสองตั้งบริษัทจัดหางาน ลวงแรงงานไปแคนาดา
ก่อนเชิดเงินหนี ยังไม่หนำใจ ขู่เรียกเงินแลกคืนพาสปอร์ต
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม
รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.เจษฎา แก้วจาเครือ, พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์, พ.ต.ท.เอนก บุญตา, พ.ต.ท.กิตติพงษ์ ศิลาพันธุ์, พ.ต.ท.ชนะ ขำทอง รอง ผกก.4 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.อัคนี ณ บางช้าง สว.กก.4 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม
ร่วมกันจับกุม นายพรเทพฯ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลธัญบุรี ที่ 260/2568
ลงวันที่ 12 มีนาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานในต่างประเทศได้”
สถานที่จับกุม บริเวณตลาดนัดในซอยจอมทอง 12 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี เนื่องจากถูกบริษัทจัดหางานจำนวน 3 บริษัท หลอกให้โอนเงินเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศแคนาดา สูญเงินคนละประมาณ 150,000 -200,000 บาท
จากการสอบถามผู้เสียหาย พบว่าได้เห็นโฆษณารับสมัครงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ก่อนติดต่อ
ผ่านแอปพลิเคชันไลน์กับตัวแทนของบริษัท ซึ่งอ้างว่ามีตำแหน่งงานในประเทศแคนาดา เช่น งานเกษตร
เก็บผัก แพ็กผลไม้ โดยระบุสถานที่ปฏิบัติงานที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ผู้เสียหายบางรายได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ทำการของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านในพื้นที่ ซอยรังสิต–นครนายก 63/1
พบว่า มีการจัดออฟฟิศให้มีลักษณะเสมือนบริษัทจริง มีโต๊ะทำงาน พนักงานประจำ และเอกสารแสดงการจดทะเบียนบริษัทครบถ้วน โดยบริษัทได้วางแผนขั้นตอนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินงวดแรก (ประมาณ 48,000 บาท) เพื่อจัดเตรียมเอกสาร ชีวมิติ (Biometric) การสแกนม่านตา และพิมพ์ลายนิ้วมือ ไปจนถึงการเก็บพาสปอร์ตเพื่อดำเนินการยื่นขอวีซ่า หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ แล้ว
บริษัทได้แจ้งผู้เสียหายให้ชำระค่าตั๋วเครื่องบินและค่าดำเนินการเพิ่มเติม ประมาณ 85,000 – 98,000 บาท พร้อมแจ้งว่าหากไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด จะถูกยกเลิกวีซ่า ผู้เสียหายจึงยินยอมชำระเงินดังกล่าว
เมื่อถึงกำหนดรับเอกสารและตั๋วโดยสาร บริษัทกลับปิดกิจการและไม่สามารถติดต่อได้อีก กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี โดยมีจำนวนผู้เสียหายรวมประมาณ 250–300 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 40–50 ล้านบาท จนกระทั่งต่อมา
วันที่ 12 มีนาคม 2568 พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับ นายพรเทพฯ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นกรรมการของทั้ง 3 บริษัท
ต่อมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้รับการติดต่อจากบริษัทดังกล่าว หากต้องการหนังสือเดินทางของผู้เสียหายคืน ต้องชำระเงินค่าไถ่หนังสือเดินทางอีกเล่มละ 5,000 บาท
หากไม่ชำระจะไม่ได้รับหนังสือเดินทางคืน ผู้เสียหายบางรายจึงยอมชำระด้วยความเกรงกลัว และภายหลังได้รับหนังสือเดินทางคืน จึงแจ้งพฤติการณ์ดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สืบทราบว่า หนังสือเดินทางดังกล่าวมีต้นทางการจัดส่งจากโรงแรมในพื้นที่รังสิต หมู่ 1 ต.คลองหนึ่ง
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวนของ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เข้าทำการตรวจสอบ ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบชายแต่งกายเป็นหญิง (สาวประเภทสอง) กำลังจะออกจากโรงแรม พร้อมกล่องกระดาษและถุงผ้าที่วางไว้หน้าเก้าอี้โรงแรม จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และขอตรวจสอบเอกสารประจำตัว ผลการตรวจสอบพบว่าเป็น นายณัฐวุฒิฯ อายุ 19 ปี จากการตรวจสอบกล่องกระดาษและถุงผ้า พบหนังสือเดินทางประเทศไทยจำนวน 241 เล่ม ซึ่งเป็นของบุคคลอื่น โดยเป็นของผู้เสียหายที่แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้วที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัวนายณัฐวุฒิฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในความผิดฐาน “เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามกฎหมาย จากการสอบถามนายณัฐวุฒิฯเบื้องต้นให้การว่ารู้จักกับนายพรเทพฯ และแจ้งว่าปัจจุบันนายพรเทพฯ ได้หลบหนีไปยังประเทศลาว
ต่อมา ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายพรเทพฯ ได้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และมีพฤติกรรมย้ายที่อยู่บ่อยครั้งเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า พบนายพรเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับเดินอยู่ภายในซอยจอมทอง 12 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นซอยเข้าออกบ้านของนายพรเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าสังเกตการณ์ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบบุคคลต้องสงสัยแต่งกายเป็นหญิง ลักษณะคล้ายผู้ต้องหา เดินออกจากบริเวณท้ายซอย เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้ขับขี่รถยนต์ผ่านบุคคลดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ตัวตนและให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเดินสะกดรอยติดตาม จนกระทั่งแน่ใจว่าเป็นนายพรเทพฯ จริง จึงแสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับและจับกุมตัวนายพรเทพฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามข้อมูลจากกลุ่มผู้เสียหาย พบว่าในกลุ่มผู้เสียหายบางคน นำทรัพย์สินไปจำนอง
จำนำ เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่มาถูกหลอก ทำให้เกิดความเครียด จนฆ่าตัวตายไปแล้วจำนวน 2 ราย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตนถูกหลอกให้จดทะเบียนบริษัทฯ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.อัคนี ณ บางช้าง สว.กก.4 บก.ป. โทร 0863583527
 
 
 
 
 
 
 
 
โพสเมื่อ : 20 ก.ค. 2568,16:33   อ่าน 29 ครั้ง