ข่าวการเมือง
สส. 4 กลุ่ม เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้ามาสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 ตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ รวม 13 ฉบับ จะแก้ไขเป็นรายมาตราไม่ใช่ยกทั้งฉบับมาแก้ไขเกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญ 10 หมวด 51 มาตรา
 
 
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มี สส. 4 กลุ่ม เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้ามาสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 ตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ รวม 13 ฉบับ จะแก้ไขเป็นรายมาตราไม่ใช่ยกทั้งฉบับมาแก้ไขเกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญ 10 หมวด 51 มาตรา 
 
 
มี4กลุ่มใหญ่  คือ
กลุ่มพรรคพลังประชารัฐเสนอมา1ฉบับจะมีการแก้ไข5ประเด็น 13มาตรา
กลุ่มพรรคเพื่อไทยเสนอมา4ฉบับแยกเป็นประเด็นจึงทำให้ง่ายต่อการลงมติ
กลุ่มพรรคภูมิใจไทย เสนอมา2ฉบับ แต่ใน2ฉบับนี้ทางภูมิใจไทยจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับระบบเลือกตั้ง และใน2ฉบับนี้ที่ทางภูมิใจไทยเสนอมานี้จะยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ เสนอมา 6ฉบับนี้มีสิทธิประโยชน์ของประชาชนรวมถึงสิทธิประโยชน์ของพรรคการเมืองอยู่ใน6ฉบับนี้ด้วย
นี่คือภาพรวมของในวาระที่ 1 ตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ รวม 13 ฉบับ แก้ไขเกี่ยวพันกับรัฐธรรมนูญ 10 หมวด 51 มาตรา 
นายแพทย์ พลเดชกล่าวต่อว่า  ใน13 ฉบับนี้สามารถแยกออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆอยู่ 2 กลุ่มคือกลุ่มแรก  จะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน มีอยุ่5ฉบับที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์โดยตรง  ซึ่งฉบับของทางพรรคภูมิใจไทยได้ระบุ ถึงรายได้ขั้นต่ำของประชาชนที่ควรจะได้โดยให้ทางรัฐบาลประกันรายได้ขั้นต่ำเปรียบเหมือนด้านสาธารณสุขมีหลักประกันสุขภาพก็เช่นเดียวกับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐบาลประกันรายได้ขั้นต่ำของประชาชนมีรายได้เข้าบัญชีทุกเดือน
 
ส่วนที่เหลืออีก 8 ฉบับ เป็นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ของนักการเมือง ชาวบ้านไม่เกี่ยว  สามารถสรุปแนวทางที่ 
“สวนทางกับการเมืองวิถีใหม่” ได้ 4 ลักษณะ คือ
  
 เอื้อพรรคใหญ่ สนองนายทุนพรรค  อันนี้เป็นการสวนทางกับแนวคิดการทำให้พรรคการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยจากภายในพรรค.
   
 ยกเลิกระบบการเลือกตั้งขั้นต้น หรือ Primary vote นี่ก็เป็นการตัดบทบาทและอำนาจของมวลสมาชิกพรรค สาขาพรรค และ ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด  อันเป็นโครงสร้างฐานรากของพรรค โดยอำนาจจะถูกรวบไว้ที่ผู้บริหารพรรคและนายทุนพรรคเท่านั้น.
 
   ลดปาร์ตี้ลิสต์ กีดกันพรรคเล็ก  อันนี้ถ้าศึกษาพัฒนาการของระบบปาร์ตี้ลิสต์ในเมืองไทย ตั้งแต่ รัฐธรรมนูญ 2540  2550  และ 2560  จะเข้าใจทิศทางและเป้าหมายได้ไม่ยาก 
 
  เปิดทางนักการเมืองประพฤติมิชอบ อันนี้เกี่ยวของกับ มาตรา 144 และ 185  เรื่องการจัดงบประมาณ  การแทรกแซงข้าราชการฝ่ายประจำ และผลประโยชน์ทับซ้อน. นพ.พลเดชกล่าวทิ้งท้าย
 
โพสเมื่อ : 04 ก.ค. 2564,22:41   อ่าน 317 ครั้ง