ข่าวภูมิภาค
ลงพื้นที่เกิดเหตุ ขณะเพื่อนบ้านเผยสาเหตุแซวเมียผู้เสียชีวิต
นนทบุรี สายไหมต้องรอดลงพื้นที่เกิดเหตุ ขณะเพื่อนบ้านเผยสาเหตุแซวเมียผู้เสียชีวิต จากกรณีเพจ “Survive - สายไหมต้องรอด” โพสต์คลิปวงจรปิด พรัอมระบุข้อความว่า “แอดคะ คนร้ายที่ยิงสามีของดิฉันเสียชีวิตเมื่อปี 65 ได้ประกันตัวออกมา จู่ๆวันก่อนบุกมาคุกคามและทำร้ายร่างกายพยานสำคัญในคดีถึงที่บ้าน ดิฉันและลูกวัย 2 ขวบกว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยกับชีวิตเลยค่ะ ไม่รู้ว่าวันไหนมันจะบุกเอาปืนมายิงพวกเราเหมือนที่ยิงสามีดิฉันตาย อยากให้คนร้ายได้รับโทษโดยเร็วตอนนี้คดีล่าช้ามากเลยค่ะ ดิฉันต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก หวาดระแวงตลอดเลยค่ะ เพจสายไหมต้องรอด ช่วยด้วยนะคะ พรุ่งนี้พี่เอกจะลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้าของคดีและขอให้พนักงานสอบสวนเพิ่งถอนการประกันตัวด้วยค่ะ” ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ต.ค. 66 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด น.ส.ฐิติชญา โอชพันธ์ อายุ 36 ปี (ภรรยาผู้เสียชีวิต) นายจิรพันธ์ ยิ่งบำรุง อายุ 26 ปี ลูกน้องในร้าน (ใส่เสื้อสีขาว-ใส่เสื้อไลน์แมนในวงจรปิด) และนายศรัญ สินสุพรรณ อายุ 41 ปี (คนใส่ผ้าคลุมหน้า-ถูกล็อกคอในวงจรปิด) ลูกน้องในร้าน เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุที่ร้านซ่อมรถจยย. ตั้งอยู่บริเวณตลาดพิมลราช ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พบนายบอย (นามสมมุติ) เพื่อนบ้านผู้เห็นเหตุการณ์และรู้จักทั้งฝ่ายผู้เสียชีวิต และฝ่ายที่ก่อเหตุ โดยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเมาขาดสติ ห้ามด้วยความเป็นห่วง มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกัน สาเหตุเกิดจากผู้ก่อเหตุไปแซวภรรยาของผู้ตาย มีน้องมาเล่าให้ฟังว่าก่อนตาย ผู้เสียชีวิตนั่งกินเหล้าอยู่กับผู้ก่อเหตุ จึงถามไปว่าแซวภรรยาของตนทำไม ผู้ก่อเหตุถามกลับว่าแซวเรื่องอะไร พูดกันไปมากลายเป็นต่อว่ากัน แต่ไม่มีการชกต่อยกัน หลังจากนั้นก็ห่างหายกันไปเป็นปี ครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายมีปากเสียง ท้าทายชกต่อยกัน ตนเข้าไปห้าม คาดว่าฝั่งผู้ก่อเหตุคงเจ็บตัว จึงกลับไปเอาปืนมายิง ตนอยู่ในเหตุการณ์แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก รู้สึกช็อค ไม่คิดว่าจะถึงขั้นยิงกันจนเสียชีวิต หลังจากยิงวิ่งเข้าไปดูน้องคนเสียชีวิต น้องบอกว่าไม่เป็นไร จึงพามาที่บ้าน มาถึงหน้าบ้านน้องคนเสียชีวิตไม่ไหวแล้วเพราะผู้ก่อเหตุวิ่งอ้อมรถมายิงซ้ำอีก ตนเข้าไปห้ามอีกครั้ง บอกให้พอแล้ว ทั้งที่ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน เสียงปืนนัดแรก พยายามวิ่งเข้าไปห้ามเพราะไม่รู้ว่าฝ่ายไหน หรือใครเป็นคนยิง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 66 ตนอยู่ในบ้าน เพิ่งกลับมาจากทำธุระ ไม่ทันเห็นเหตุการณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก รู้อีกทีน้องผู้หญิงเดินมาตะโกนว่ามีคนทำร้ายกัน ตนจึงเปิดประตูวิ่งออกไป หลังคนร้ายถูกประกันตัวเคยมาหาตน 1 ครั้ง มาขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนเป็นกังวล ตนตกใจเหมือนกัน มีโอกาสได้เดินไปบอกน้องผู้หญิงว่าผู้ก่อเหตุมาหาตนด้วยเหตุผลอะไร เพราะปกติคุยกันเหมือนพี่น้อง รู้สึกลำบากใจจริง ๆ น.ส.ฐิติชญา โอชพันธ์ อายุ 36 ปี (ภรรยาผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า ตอนคนร้ายมาก่อเหตุ ขับรถยนต์มาจอด แล้วยิงจากในรถออกมาโดนขา แฟนของตนวิ่งข้ามถนนมาตรงนี้ ผู้ก่อเหตุวิ่งตามมายิงซ้ำจนหมดแม็กและกลับไปใส่แม็กมายิงซ้ำอีก เป็นสิบนัด คาดว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจมายิงแฟนคนเดียว ตอนไปถึงโรงพยาบาลแฟนของตนพูดขอร้องหมอว่าช่วยด้วย ลูกยังเล็กอยู่ ยังไม่อยากตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นโหดร้ายมาก คนร้ายไม่มีจิตสำนึกเลยยังหวนกลับมาทำร้ายซ้ำอีก วันเกิดเหตุตนนั่งอยู่ในร้าน พอเห็นว่าผู้ก่อเหตุคือคนเดียวกับที่ยิงแฟนของตน จึงวิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้าน สาเหตุแรกเรื่องที่ผู้ก่อเหตุมาแซวตนแต่แฟนเป็นคนเห็น มีการพูดคุยจนทะเลาะวิวาทกัน ทิ้งระยะเวลาไปปีกว่า กลับมานั่งกินเหล้ากันตะโกนข้ามฝั่งมาหาแฟนว่าให้เคลียร์กัน รอบแรกมีอาวุธมีดมาด้วยแต่แฟนของตนแย่งมีดได้ คนร้ายขับรถออกไป ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกลับมาพร้อมปืน คาดว่าคนร้ายน่าจะผูกใจเจ็บที่ทะเลาะกันเรื่องเล็กน้อยในครั้งแรก ปกติคนร้านไม่ได้มากินเหล้าแถวนี้บ่อย ตั้งแต่ประกันตัวออกมายังไม่เคยเห็นมา แต่ตนระแวงมาตลอดจนถึงวันที่เกิดเรื่อง ตอนนี้สภาพจิตใจของตนย่ำแย่มาก ต้องการความปลอดภัย นายจิรพันธ์ ยิ่งบำรุง อายุ 26 ปี ลูกน้องในร้าน (ใส่เสื้อสีขาว-ใส่เสื้อไลน์แมนในวงจรปิด) กล่าวว่า คนร้ายขับรถเก๋งมาจอดแล้ววิ่งลงมากระโดดทำร้าย พอจะลุกมาช่วยพี่ คนร้ายนำไม้มาฟาดตน และล็อกคอพี่ชาย นั่งคร่อมไว้จนล้มไปพร้อมกัน ตนวิ่งเข้าไปช่วยพี่อีกครั้งตามคลิป คนร้ายอีกคนนำไม้มาฟาดพี่ชายซ้ำอีกครั้งก่อนหลบหนีไป ไม่ทราบว่าคนร้ายมีอาวุธปืนหรือไม่ ตอนแรกรู้สึกกลัว ตอนที่โดนฟาดนึกว่ามีดฟัน หากวันนั้นไม่เข้าไปช่วยคิดว่าพี่ชายน่าจะโดนทำร้ายหนัก เป็นห่วงพี่ มีหลานด้วย ตอนนี้รู้สึกกลัวแต่เป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ผู้หญิงมากกว่า ส่วนตัวไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน
โพสเมื่อ : 18 ต.ค. 2566,08:32   อ่าน 43 ครั้ง