ข่าวภูมิภาค
นัดท้าชกเคลียร์ใจ ตกลงจบเรื่องแต่อีกฝ่ายแอบไปแจ้งความจับ งงหนัก ตำรวจออกหมายจับโดยไม่มีหมายเรียก
นนทบุรี (คลิป) นัดท้าชกเคลียร์ใจ ตกลงจบเรื่องแต่อีกฝ่ายแอบไปแจ้งความจับ งงหนัก ตำรวจออกหมายจับโดยไม่มีหมายเรียก
 
วันที่ 21 ธ.ค.2566 เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากนาย สุเทพ หรือแอ๊ด เทพมณี อายุ 35 ปี และ น.ส.อริษา (สงวนนามสกุล)อายุ 32 ปี จึงเดินทางไปที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี จากที่นาย สุเทพหรือแอ๊ด ได้ดูข่าว ฟันนักมวยต้องเย็บถึง40เข็ม และทราบว่าผู้บาดเจ็บคือ นาย อิสเรศ หรือแบงค์ และเห็นว่านายแบงค์ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพราะเคยรู้จักกับนายแบงค์มาก่อน ซึ่งนายแบงค์มีวีรกรรมมากมาย หาเรื่องเข้าไปทั่ว ท้าให้เข้าไปเคลียร์ที่บ้านสุดท้ายกลับพาพวกมารุมทำร้าย ล่าสุดท้าต่อยตัวต่อตัวเพื่อเคลียร์ใจ ตกลงกันว่าต่อยแล้วจบ จับมือไม่มีการหาเรื่องอะไรกันอีก สุดท้ายนายแบงค์แอบไปแจ้งความจับตนและแฟน ข้อหาร่วมกันบุกรุกและทำร้ายร่างกายยามวิกาล หมดเงินค่าประกันตัวเกือบ 200,000 บาท ซ้ำหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ออกหมายจับตนและแฟนโดยที่ไม่มีหมายเรียกสักครั้ง และยังไปจับแฟนตนถึงที่ทำงานสร้างความตื่นตกใจให้กับแฟนและเพื่อนร่วมงาน และยังส่งผลในหน้าที่การงานเพราะกลายเป็นคนมีประวัติอาชญกรรมไปแล้ว วอนขอความช่วยเหลือเพราะตนไม่รู้ข้อกฏหมาย 
 
พร้อมเปิดเผยคลิปเหตุการณ์เมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน 2564 ที่ นายแบงค์(ถอดเสื้อสวมกางเกงขาสั้นลายขาวดำ) ให้คนมาเรียกนายแอ๊ด(ถอดเสื้อสวมกางเกงขาสั้นสีส้ม)ไปเคลียร์ปัญหาที่บ้านของนายแบงค์ เรื่องมีคนไปโพสว่านายแอ๊ดติดเงินค่าทุเรียนนายแบงค์ และเริ่มมีปากเสียงกันจนนายแบงค์ท้านายแอ๊ดต่อยตัวต่อตัว เพราะทั้งคู่ป็นนักมวย แต่ตอนแรกทางนายแบงค์ไม่ยอมออกมาจากบ้าน นายแอ๊ดจึงพูดว่า "เก่งแต่ในบ้านหรอ"และได้วิ่งเข้าไปหานายแบงค์แต่มีกลุ่มเพื่อนของนายแบงค์ขวางไว้ จนทำให้เกิดการตะลุมบอนกันขึ้นก่อน หลังจากนั้นนายแบงค์จึงออกมาต่อยตัวต่อตัวกับนายแอ๊ด
 
นาย เทพมณี หรือแอ๊ด กล่าวว่า เมื่อก่อนตนกับนายแบงค์เป็นเพื่อนสนิทกันและทำธุรกิจด้วยกัน ต่อมาเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ปี64 นายแบงค์กล่าวหาว่าตนติดเงินไม่ยอมจ่ายและทวงต่อหน้าคนอื่น ซึ่งตนก็ไม่เคยติดเงินอะไรนายแบงค์เลย ต่อมานายแบงค์ได้ให้เพื่อนมาตามตนเพื่อไปเคลียร์ที่บ้านโดยออกอุบายว่าแม่อยากคุยด้วย แต่ตนกำลังกินเหล้ากับเพื่อนอยู่จึงปฏิเสธไป อีกสักพักเพื่อนของนายแบงค์ก็ได้เดินมาตามอีกครั้ง แต่ตนให้แฟนไปคุยแทนเพราะเขาอ้างว่าแม่เขาอยากคุยด้วย แต่พอตนตามไปก็เริ่มมีปากเสียงกันตามคลิปเลย ซึ่งตอนแรกที่นายแบงค์ท้าตนชก ได้มีการตกลงกันแล้วว่าตัวต่อตัวไม่มีการรุม แล้วจับมือจบเรื่องไม่มีการหาเรื่องกันอีก แต่ลับหลังนายแบงค์กลับไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตนและแฟนตน ตนมารู้ว่านายแบงค์แอบไปแจ้งความก็ตอนที่มีตำรวจไปจับแฟนตนที่ทำงาน ซึ่งนายแบงค์ผิดคำพูดจากที่เคยตกลงกันไว้ ต่อมาตนได้เข้าไปคุยนายแบงค์ที่บ้าน แต่นายแบงค์ไม่ยอมออกมาคุยด้วย ซ้ำยังให้เพื่อนแอบเข้ามาข้างหลังใช้มีดฟันเข้าที่หัวตนจนเป็นแผลยาว ต้องเย็บถึง20เข็ม พอไปแจ้งความในข้อหาพยายามฆ่า ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งทั้งๆที่ใช้มีดฟันเข้าที่หัวแบบนี้ตั้งใจจะเอาให้ตายแน่ๆ แต่กลับตั้งข้อหาแค่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น และที่น่าสงสัยคือหลังจากที่ฟันตนเสร็จ คนที่ฟันโทรเรียกสายตรวจให้มารับไปโรงพักทันทีในขณะที่ตนกำลังไปรพ.ตนรู้มาว่าตำรวจที่ทำคดีนี้รู้จักและสนิทกับนายแบงค์ และพอตนเห็นข่าวว่านายแบงค์โดนคนชื่ออี้ดฟันจนต้องเย็บ40เข็ม ตนยังคิดว่าสมควรแล้วที่โดนเพราะพฤติกรรมของนายแบงค์ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว คนทั้งซอยรู้หมดว่าเขาป็นคนยังไง ส่วนตัวตนไม่ได้รู้จักกับคนชื่ออี้ดแต่อย่างใด แต่เห็นนายแบงค์ให้สัมภาษณ์ว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำ พูดเอาแต่ความดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น ตนจึงรับไม่ได้และติดต่อพี่อี้ดเพื่อขอเข้ามาให้ข้อมูลกับนักข่าวเรื่องของนายแบงค์
 
 
ด้าน น.ส.อริษา กล่าวว่า ตนติดใจอยู่2เรื่อง คือเรื่องแรกติดใจคดีของสามีที่โดนฟันที่หัว แต่คดีไปจบตรงที่เป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ไม่ได้โดนข้อหาพยายามฆ่าและศาลได้ให้ทางฝั่งนั้นชดเชยให้กับเราเพียง 30,000 บาท และจบคดีในศาลชั้นต้นไปและเรื่องก็เงียบไปเลย และเรื่องที่2 ที่ยังติดใจอยู่คือเรื่องหมายจับ ตนสงสัยว่าการจะออกหมายจับ จะต้องมีหมายเรียกมาก่อนรึเปล่า แต่นี้ตนและสามีไม่ได้หมายเรียกซักฉบับ แต่มีหมายจับมาเลยและที่นายตำรวจชื่อไพรัชของ สภ.ท่าน้ำนนท์ เป็นคนทำคดีของตนกับสามีเมื่อปี2565 และเป็นคนแจ้งเราว่าสมัยนี้ ไม่มีหมายเรียกแล้ว จะมีแต่ออกหมายจับเลย และได้มีการบอกกับตนว่าให้ตนไปศึกษากฏหมายใหม่ด้วยก่อนที่จะมาคุยกับเขา ซึ่งตนและสามีได้มีการติดต่อสอบถามไปยังที่บ้านว่ามีหมายเรียกส่งมาที่บ้านรึเปล่า แต่ก็ไม่มีเลยซักฉบับ หลังจากนั้นตนกับสามีก็ประกันตัวในชั้นโรงพักหมดเงินไปเกือบ200,000บาท ตอนนี้ส่งผลกับตนเป็นอย่างมากทั้งในเรื่องของงานและสภาพจิตใจ เพราะในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมตัวนั้น ตนกำลังทำงานอยู่ในห้างแห่งหนึ่ง ตอนนั้นตนและเพื่อนร่วมงานตกใจมากเพราะอยู่ๆก็มีตำรวจบุกมาจับตน ซ้ำตนยังถูกพิมพ์ลายนิ้วมือมีประวัติอาชญกรรมส่งผลต่อการทำงานด้วย หลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีตนกับสามี ตนไม่รู้ข้อกฏหมายอยากได้คนที่รู้กฏหมายเข้ามาช่วยเหลือตนและสามีด้วย
 
 
 

 
โพสเมื่อ : 21 ธ.ค. 2566,16:24   อ่าน 33 ครั้ง