เมื่อวันที่ 22 ม.ค.67 นางสาวธาธนอร กฤตสุนทรนนท์ อายุ 52 ปี ผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากเสี่ยเป้ บางกรวย กต.ตร.สภ.บางกรวย ว่าถูกตำรวจยศพันตำรวจโท ประจำการอยู่ในโรงพักแห่งหนึ่งสังกัดนครบาล และภรรยาได้กู้เงินหลายสิบล้านบาทไปทำธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสอง หลังได้เงินไปแล้วเงียบหายไปติดต่อไม่ได้ 

   ต่อมาขณะนางสาวธาธนอร

ได้โดยสารรถเท็กซี่และพูดคุยทางโทรศัพท์กับภรรยาของพันตำรวจโทที่กู้ยืมเงิน ปรากฏว่าผู้ชับขี่รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ยินผู้เสียหายพูดคุยเรื่องเงิน ทางคนขับแท็กซี่ได้บอกกับผู้เสียหายว่าภรรยาของตนเองเป็นหลานของ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเบื้องสูงสามารถช่วยเหลือทวงเงินจากนายตำรวจคนดังกล่าวได้และสามารถทำให้ตำรวจคนดังกล่าวออกจากราซการได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ได้ติดต่อ น.ส.มุขสุดา (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยาคนขับรถแท็กซี่ จากนั้นเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2565 คนขับแท็กซี่ได้พา น.ส.มุขสุดา ไปพูดคุยที่บ้านพักของผู้เสียหายและกล่าวอ้างว่าสามารถติดตามทวงเงินจำนวนดังกล่าวได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายและตกลงกันว่าหากได้เงินจำนวนดังกล่าวคืนมาจะแบ่งกันคนละครึ่ง ในระหว่างระยะเวลาที่ผ่านมาผู้เสียหายได้โอนเงินให้น.ส.มุขสุดา จำนวนหลายครั้ง เป็นเงินจำนวน กว่า 1 ล้านกว่าบาท โดยในวันนี้ ( 22 ม.ค.67 ) น.ส.มุขสุดา ได้นัดหมายให้ผู้แจ้งจ่ายเงินอีกจำนวน 10,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายไหวตัวทัน และทราบว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเสี่ยเป้ บางกรวย

ได้นำเงินสด 100,000 บาทถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน และนำเงินไปมอบตามนัดหมายที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านบางกรวย ก่อนจะแสดงตัวพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางกรวย เข้าจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

    เสี่ยเป้บางกรวย กล่าวว่า วันนี้ผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์กับตน เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากบุคคลดังกล่าวเป็นแก๊งต้มตุ๋น จากที่ตรวจสอบไลน์ ในเครื่องโทรศัพท์ของสองสามีภรรยา บ่งบอกชัดเจนว่ามีการแอบอ้างสถาบันหลอกให้โอนเงินรวมทั้งหมดเกือบ 2 ล้านบาท วันนี้ตนได้พาผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับทั้ง 2 คนเพื่อไม่ให้ไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก

*** เบลอหน้าผู้ก่อเหตุกับสามีคับ***

(มีเสียงเสี่ยเป้บางกรวยคุยโทรศัพท์ปะทะคารมกับสามีผู้ก่อเหตุที่โทรมาหลังภรรยาถูกจับกุม)