 |
ข่าวภูมิภาค |
 |
ต่อข่าว ตำรวจแจงประเด็นกล้องหน้ารถ กระเป๋าเดินทาง ขณะแม่น้องนุ่น นำดอกไม้ขอบคุณตร.ที่จับคนร้ายลงโทษได้อย่างรวดเร็ว
นนทบุรี ต่อข่าว ตำรวจแจงประเด็นกล้องหน้ารถ กระเป๋าเดินทาง ขณะแม่น้องนุ่น นำดอกไม้ขอบคุณตร.ที่จับคนร้ายลงโทษได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 23 ก.พ.67 นางเพ็ญ พอตา อายุ 42 ปี พร้อมลูกชาย ซึ่งเป็นแม่และน้องชายของน.ส.ชลลดา หรือนุ่น อายุ 27 ปี ที่ถูกสามีโหดทำร้ายจนเสียชีวิตก่อนนำศพไปเผาอำพรางในจ.ปราจีนบุรี เดินทางมาที่สภ.ปากเกร็ด พร้อมนำกระเช้าดอกไม้เข้ามามอบให้พล.ต.ต.ปราถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.ติรัส ตฤณเตชะ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด ,ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุซึ่งเป็นสามีของลูกสาวได้อย่างรวดเร็ว จึงเดินทางเข้ามาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบถามนางเพ็ญ กล่าวว่า วันนี้มาขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ช่วยน้องนุ่น ที่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ตนอยากจะขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือในการติดตาม และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้ช้าไม่ทิ้งตน และตนก็ประทับใจแล้ว
พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้วแต่ตนจะต้องสอบปากคำพยานที่ชื่อบิวที่ไปออกรายการโหนกระแส เพราะเป็นพยานที่รู้เห็นในจุดแรกที่น้องนุ่นโดนทำร้ายร่างกาย จะต้องเอามาสอบปากคำเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพยานวัตถุต่างๆตอนนี้ครบถ้วนทุกอย่างแล้ว และสิ่งของที่ใช้ก่อเหตุได้รวบรวมส่งพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว และเก็บพยานหลักฐานที่บ้านแล้ว ส่วนของข้อหา เป็นการฆ่าผู้อื่น อำพรางศพ และแจ้งความเท็จ ส่วนเรื่องการวางแผนอยู่ในรูปของสำนวนคดี ส่วนที่ข่าวออกไป ตำรวจจะสืบสวนเพิ่มเติมเรื่องกระเป๋าเดินทางและเรื่องของกล้องวงจรปิด และกล้องหน้ารถ บางอย่างเป็นข้อมูลและหลักฐานอยู่ในสำนวน และไม่สามารถบอกได้ ซึ่งการเก็บกล้องวงจรปิดก็ได้เก็บมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะรับสารภาพ ตำรวจรู้ทราบตั้งแต่วันแรก ที่ทอยและคุณแม่มาแจ้งความ ได้รับเรื่อง ได้เบอร์ของนุ่นและเช็คตำแหน่งว่าอยู่ที่ไหน แต่รายละเอียดทอยได้เบี่ยงเบนทุกอย่าง และมีข้อสงสัยคือนุ่นไม่เปิดโทรศัพท์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่ไม่สามารถแจ้งนักข่าวได้ ซี่งคิดว่าสื่ออาจจะยังไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีครบหมดทุกอย่างแล้ว ก่อนที่ข่าวจะเผยแพร่ออกไป ทางเจ้าหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ด ได้ประสานตำรวจที่ปราจีน ก่อนหน้านี้เรียบร้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่นิ่งนอนใจตั้งแต่ต้น เพราะทอยให้การวกวนอยู่ตลอดเวล่ ซึ่งทางแม่ของนุ่นก็จะรู้ทั้งหมด เกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องกล้องหน้ารถของทอยเป็นกล้องดั้มไม่สามารถเปิดได้ และไม่มีข้อมูลอยู่ในนั้น บางเรื่องที่ไม่ได้ปิดเผยก็ไม่สามารถเปิดบอกได้ แต่ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเต็มที่ทักอย่าง อยากให้ทุกคนเข้าใจ กระเป๋าที่ทอยใส่เป็นกระเป๋าที่อยู่ในบ้าน ไม่ได้พึ่งสั่งซื้อมาตามที่ออกข่าวไป
พ.ต.ท.ติรัส ตฤณเตชะ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า ในส่วนเรื่องของกล้องหน้ารถที่พูดคุยกับทอยตำรวจได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าไม่มีการเสียบกล้องหน้ารถและไม่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฏาคมปี 2566 โดยทางทอยได้ย้ายกล้องจากรถเก๋งหรูเบนซ์ที่ขายไปแล้วมาไว้ที่รถที่ก่อเกตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยากได้ข้อมูลตรงนี้จึงไปตรวจสอบก็ไม่สามารถเปิดได้ เพราะไม่ได้เสียบไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งวันนี้ในจุดที่อยู่ในบ้านมีเศษเดินตกอยู่ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทิ้งเรื่องของคดีการฆ่าไตร่ตรองไว้ก่อน ตนไม่ละทิ้งตรงนี้ไป และตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ สุดท้ายที่บอกให้ร้อยเวรประสานคุณแม่ให้มารับหลาน เพื่อที่จะให้ตัวทอยได้วางใจ และสารภาพทุกอย่าง ตอนนี้กำลังใจดีขึ้นมากในเรื่องการโจมตีของสื่อ ซึ่งตอนแรกตนเสียใจที่ข่าวออกไปว่า นักข่าวรู้ก่อนตำรวจ เพราะตนทำงานอย่างเต็มที่แล้วแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ในบางเรื่อง จึงมีกระแสเข้ามา
ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตนได้ติดตามเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา บางครั้งคุณแม่สื่อสารกับสื่อไปอาจไม่เข้าใจ มีการเข้าใจผิดในบางเรื่อง ซึ่งกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่วันแรกที่ตนได้รับแจ้ง อยากให้ทุกคนเจ้าใจและให้กำลังใจตำรวจในการทำงานมากกว่า
|
โพสเมื่อ :
23 ก.พ. 2567,17:03
อ่าน 26 ครั้ง
|