ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB)
จับผู้ต้องหาตามหมายจับ โดนญาติแท้ๆหลอกให้เปิดบัญชีม้า
เจอหน้าตำรวจปล่อยโฮ ตรวจสอบพบมีผู้เสียหายแจ้งความไว้หลายพื้นที่
มีหมายจับเพิ่มเติมรวมเป็น 3 หมายจับ ความเสียหายที่เกิดขึ้นรวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.)
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.,
พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.นโรตม์ ยุวบูรณ์ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล., ร.ต.อ.ประวิทย์
ภู่ทอง รอง สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล., ร.ต.ท.สถาพร ศรีพรหม, ร.ต.ต.สมศักดิ์ เอี่ยมสะอาด, ด.ต.ชัยณรงค์ เย็นกาย, ด.ต.กิตติศักดิ์ ปิ่นเกษ, ด.ต.โสภณ เล้าเจริญ, ด.ต.สุเมธ รอดเพชร, ด.ต.ปัญญา สุพล, จ.ส.ต.อดิศร สุนทร,
ส.ต.อ.สมภพ โคมสุวรรณ, ส.ต.ท.วีรยุทธ มีมาก ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม นางสาวหนึ่งสุดาฯ หรือดาว อายุ 21 ปี
ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
1.ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ซึ่งกระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด”
2.ตามหมายจับศาลจังหวัดลพบุรี ที่ จ.116/2567 ลง 1 ส.ค. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก
บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”
3.ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่จ.133/2567 ลง 5 ส.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, ร่วมกันฉ้อโกง และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
สถานที่จับกุม บริเวณสถานีรถไฟกุยบุรี ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุม ได้รับข้อมูลเบาะแสจากสายลับ ให้ข้อมูลว่าพบบุคคล
คล้ายบุคคลตามหมายจับ จะเดินทางโดยรถไฟมาลงที่ สถานีรถไฟกุยบุรี จึงได้ร่วมกันไปซุ่มดักรอ ทราบว่า นางสาวหนึ่งสุดาฯ หรือดาว ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี หมายจับ ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ได้เดินทางมากับรถไฟขบวนที่ 254 (หลังสวน-ธนบุรี) โดยมีปลายทางลงที่สถานีรถไฟกุยบุรี
เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ต่อมา พบบุคคลลักษณะคล้าย นางสาวหนึ่งสุดาฯ เดินลงมาจากรถไฟขบวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสอบถามชื่อบุคคลดังกล่าว ทราบชื่อคือ นางสาวหนึ่งสุดาฯ จึงได้ขอตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน พบว่ามีชื่อ-สกุล และหมายเลขประจำตัวประชาชน ตรงกับบุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับศาลอาญามีนบุรี
ที่ จ.1150/2567 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ให้ผู้ถูกจับดูและอ่านเอง เป็นที่เข้าใจดีแล้ว รับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับมาที่ สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ เพื่อจัดทำบันทึกจับกุม และจากการตรวจสอบจากฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (CRIMES) ทราบว่า นางสาวหนึ่งสุดาฯ ยังเป็นบุคคลตามหมายจับของ ศาลจังหวัดลพบุรี
ที่ จ.116/2567 ลง 1 ส.ค. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น,
โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้
มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่า
จะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” และ หมายจับศาลจังหวัดชุมแพ
ที่ จ.133/2567 ลง 5 ส.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้า
สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูล คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, ร่วมกันฉ้อโกง และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” จึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวให้ผู้ถูกจับดูและอ่านเอง เป็นที่เข้าใจดีแล้ว รับว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้ทำการจับกุมตัวจัดทำบันทึกนำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า น้องสาวแท้ๆ ของตนเป็นคนขอร้องให้ตนเปิดบัญชี
โดยอ้างว่าเพื่อเป็นบัญชีเงินเดือนสำหรับหลาน ซึ่งตนเองก็รักน้องสาวและเชื่อใจจึงได้เปิดให้ จึงได้เปิดบัญชีไว้ให้ โดยไม่รู้มาก่อนว่าบัญชีของตนเองจะถูกไปใช้เป็นบัญชีม้าของแก๊งคอลเซนเตอร์ และถูกผู้เสียหายแจ้งความไว้ถึง 3 ท้องที่ ซึ่งตนเองอยากฝากให้คนที่จะทำธุรกรรมหรือมีคนมาชักชวนให้เปิดบัญชีไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก ให้ระมัดระวังเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ที่ตัวเองเจอไปเกิดกับใครอีก
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จ.ส.ต.อดิศร สุนทร ผบ.หมู่ ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล.
โทร. 086-1746787
|